หลังจากกล้อง GoPro ประกาศเปิดตัวและเริ่มมีช่างภาพทั้งมือสมัครเล่นและมือโปรฯ ถ่ายภาพมาสร้างสีสันกันมากมาย ฝ่ายการตลาดของบริษัทออกมาให้ข่าวว่ามีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมายโทรเข้า มาสอบถามรายละเอียดการใช้งานและการซื้อลิขสิทธิ์วีดีโอจากแบรนด์อย่าง ล้นหลาม
ดังนั้น GoPro จึงปิ๊งไอเดียซื้อลิขสิทธิ์วีดีโอจากช่างภาพกว่า 600 คลิปแล้วเปิดเป็นเว็บไซต์จำหน่ายวีดีโอด้วยตนเองโดยนำทีเซอร์มา ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง YouTube และเครือข่ายวีดีโออื่นๆ เป็นหลัก
“เราได้รับโทรศัพท์จากเอเจนซี่ รายการทีวี และภาพยนตร์มากมายที่ต้องการซื้อคอนเทนต์เหล่านั้นจากเรา” Adam Dornbusch หัวหน้าฝ่ายโปรแกรมมิ่งของ GoPro กล่าวและว่า คลิปจาก GoPro สามารถสร้าง engagement บน YouTube ได้มากกว่าคลิปวีดีโอทั่วไป
“ความแตกต่างระหว่างวีดีโอของ GoPro และของยูเซอร์คนอื่นคือคุณภาพที่เหนือชั้นและมุมมองของกล้องที่ยากจะถ่าย ทำได้ด้วยกล้องวีดีโอแบบอื่นๆ หากคุณต้องการวีดีโอแนวผจญภัยแล้ว GoPro เป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบที่สุด” Michelle Slusser McKinney ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์จาก 72andSunny
แผนต่อไปของ GoPro คือการเพิ่มจำนวนคลิปวีดีโอที่เปิดวางจำหน่ายเพื่อให้บริษัทก้าวต่อไปเป็น เว็บจำหน่ายภาพและวีดีโออย่าง Getty Images หรือ Shutterstock ทั้งนี้ วีดีโอแต่ล่ะชิ้นเปิดขายที่ราคา 1 พันดอลล่าร์ (ราว 3 หมื่นบาท) ความถูกแพงยังขึ้นกับลักษณะคอนเทนต์ของแต่ล่ะวีดีโออีกด้วย
กูรูคาดว่า GoPro Licensing น่าจะเติบโตแย่งส่วนแบ่งวีดีโอโฆษณาที่มีมูลค่ากว่า 7.7 พันล้านดอลล่าร์ในปัจจุบันได้สำเร็จ เนื่องจากครีเอทีฟปัจจุบันต้องตามล่าหาคอนเทนต์ที่มีความสร้างสรรค์เพิ่มมาก ขึ้นทุกขณะ การสำรวจของ PAN Communcation ระบุว่า 48% ของมาร์เกตเตอร์คิดว่าคอนเทนต์ของแบรนด์ปัจจุบันยังไม่ดีพอ
“ฉันเชื่อว่าระบบ licensed video จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของแบรนด์มาร์เกตติ้งที่ช่วยให้คุณภาพของวีดีโอสูงขึ้น และด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ การจัดอีเวนท์โดยใช้กล้อง GoPro เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงน่าจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและประหยัดต้นทุน” David Karnstedt ซีอีโอของแบรนด์คอนเซาล์เทน Quantifind ระบุ
แม้ GoPro จะออกมานานแล้ว แต่เรายังพบว่าเอเจนซีของไทยหลายแบรนด์ยังไม่ได้หยิบเทคโนโลยีชิ้นนี้ไปใช้ มากนัก ส่วนมากจะใช้กับวงการภาพยนตร์และการถ่ายทำเสียมากกว่า หากคิดให้ดีแล้ว ด้วยมุมมองที่แปลกตาและความเรียลของวีดีโอ นักการตลาดสามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับโฆษณาของตัวเองได้ไม่ยาก น่าลองกันไหมล่ะครับ?
เครดิต : adweek.com , marketingoops.com